ละเลงชีวิต ดิน วันทวุฒิ หวังประเสริฐ
  • 9 พฤษภาคม 2019 at 17:09
  • 7730
  • 0

 

สายเลือดนักบอล ลูกพี่ลูกน้องกวินทร์, อารมณ์ร้อนพาหวิดหมดอนาคตโดนแบนวงการลูกหนัง 2 ปี, เปลี่ยนตัวเองใหม่เพื่อสิ่งที่รัก และนี่คือเรื่องราวบทชีวิตของ “ดิน” วันทวุฒิ หวังประเสริฐ ผู้ช่วยโค้ช และนักเตะบางกอก เอฟซี

 

 

 

ครอบครัวลูกหนัง ลูกพี่ลูกน้อง กวินทร์


“ดิน” เกิดในครอบครัวกีฬาอย่างแท้จริง มีคุณพ่อ ศราวุฒิ หวังประเสริฐ ที่เป็น ผจก.ทีมฟุตบอล รร.บ้านครัว เป็นครูคนแรก ที่ผลักดันเด็กน้อยรายนี้ให้หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล โดยมีสนามศุภชลาศัย เป็นสังเวียนซ้อมประจำ โดยคู่ซ้อมคือลูกพี่ลูกน้องรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งมี “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย ที่ปัจจุบันเฝ้าเสากับ โอเอช ลูเวิน รวมอยู่ด้วย

 

 

“คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตการเล่นฟุตบอลของผมก็คือคุณพ่อ ที่เป็นผู้จัดการของโรงเรียนบ้านครัว ที่อยู่ใกล้กับสนามศุภชลาศัย ถ้าย้อนไปสมัยนั้น ทีมนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องฟุตบอล และพื้นฐานของผม เป็นตระกูลที่เป็นทีมชาติเกือบทั้งตระกูล”


“คุณแม่ของตอง (กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์) เป็นพี่สาวของแม่ผม ผมเล่นฟุตบอลกับตองตั้งแต่เด็ก และจะมีลูกของคุณลุงอีกคนหนึ่งที่เล่นด้วยกันกับพวกผม วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันที่ปิดภาคเรียน พวกผม 3 คนจะมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของผม และพ่อผมจะพาพวกผมไปเล่นฟุตบอลกันที่สนามศุภชลาศัย โดยพ่อผมจะเป็นคนฝึกสอนให้ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลของผม”

 

 

 

ครั้งหนึ่งในรั้วอาร์เซน่อล และจุดจบตั้งแต่ก่อนก้าวขาสู่อาชีพ

ครอบครัว “ดิน” ปูทางอย่างดีสู่เส้นทางลูกหนังอย่างดีที่สุด นอกจากความรักที่ได้จากครอบครัวไม่ขาด “ดิน” ได้โอกาสเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังจากบรมครู พล.ต.สำเริง ไชยยงค์ อดีตนักเตะทีมชาติไทยชุดเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ครั้งประวัติศาสตร์ รวมถึงครูอีกหลายๆ ท่านที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ฝีเท้าเขากล้าแกร่งขึ้น

 

 

“ดิน” ฝีเท้ารุดหน้าอย่างรวดเร็ว วัย 12 ปี ได้ไปคัดเยาวชนทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เพื่อไปแข่งที่ประเทศญี่ปุ่นรุ่นเดียวกับ สรรวัชญ์ เดชมิตร แต่หลุดรอบสุดท้าย จากรั้วราชวินิต สู่กรุงเทพคริสเตียน ที่นี่เขาเติบโตขึ้นอีกขั่น เขาลองไปคัดเยาวชนทีมชาติรุ่น 14 ปี อีกครั้ง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาต้องพบกับความผิดหวัง อย่างไรก็ตามมันกลับยิ่งทำให้ “ดิน” เปลี่ยนตัวเองใหม่ ซ้อมหนักขึ้น จริงจังขึ้น เพราะเขาเลือกที่จะเอาดีในเส้นทางลูกหนังจริงจัง กว่าเดิมเป็นเท่าตัว นั่นทำให้ช่วงเวลายามว่างจากเรียนหนังสือคือการ ซ้อม ซ้อม และซ้อม เท่านั้น โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัว

 

 

ในที่สุด “ดิน” ก็สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวด้วยการมีชื่อติดธงเยาวชนทีมชาตินักเรียนไทย ในรุ่น 15 ปี ในที่สุด ชีวิตจากนั้นเขาก้าวขาสู่ทำเนียบดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ได้โอกาสไปร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมชุดจตุรมิตร 18 ปี ตั้งแต่วัยแค่ 15 ปีเท่านั้น

 

 

จากนั้นเข้าร่วมรายการ มูลนิธิอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ของ “บิ๊กแป๊ะ ถิรชัย วุฒิธรรม ที่คัดเด็กไทยจากทั่วประเทศเพื่อเฟ้นหาแข้งฝีเท้าดีไปฝึกฟุตบอล ที่สโมสรอาร์เซน่อล ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แน่นอนว่า “ดิน” เป็น 1 ใน 8 คนที่ได้ก้าวไปเก็บประสบการณ์ครั้งนั้น 


ให้หลังจากนั้น 2-3 ปี หนุ่มวัย 17 ก็ไปประลองฝีเท้าในรายการ ดิ อาร์เซน่อล ดรีม ที่ออกอากาศช่องน้อยสีในยุคนั้น เพื่อเฟ้นหาเด็กเก่ง 2 คน ไปฝึกฝีเท้าที่อาร์เซน่อล 1 เดือน และสัญญาอาชีพกับ บีอีซี เทโรศาสน “ดิน” ในบทกัปตันทีม Red Dragon เขาจบในตำแหน่งชนะเลิศในลำดับที่ 3 ต่อจาก "โน้ต" จักรพันธ์ แก้วพรม จาก ร.ร.กีฬา จ.สุพรรณบุรี กับ "ภีม" พงษ์พีระ ประจงไสย ของ ร.ร.ราชวินิตบางแก้ว เท่านั้น 


ทุกอย่างที่กำลังไปได้สวย เส้นทางสู่ฟุตบอลอาชีพดูจะไม่บิดเบือนไปได้ ความหวังของเขา ของครอบครัว ทุกอย่างมันลงตัวไปเสียหมด ด้วยวัยที่กำลังคะนอง รักเพื่อนฝูง รักสถาบัน และด้วยความที่จุดเดือดต่ำ “ดิน” ไปวิวาทกับคู่ปรับ อัสสัมชัญ ในศึกกรมพล รอบเพลย์ออฟ ในสนามผลเขาโดนโทษสถานหนักห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลในประเทศเป็นเวลา 2 ปี

 

“ดิน” ยอมรับว่านั่นเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุดที่ตนเคยทำเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น “นั่นเป็นจุดพลิกผันจริงๆ มันทำให้ผมพลาดโอกาสดีๆ ไปอีกหลายอย่าง อย่างในรายการ 7 สี ผมก็ไม่มีโอกาสได้เล่นในรอบถ่ายทอดสด รวมถึงการไม่ติดเยาวชนทีมชาติรุ่น 19 ปี หรือมากกว่านั้น ที่มันยังเป็นความเสียใจของผมมาจนทุกวันนี้”

 

 

เกือบหมดอนาคตในเส้นทางลูกหนัง สู่การเกิดใหม่อีกครั้ง

 

Cr.Air Force United FC

หลังติดโทษแบนหนัก ชีวิตของ “ดิน” กลับยิ่งแย่หนัก ชีวิตวัยรุ่นที่ไร้ซึ่งจุดยึดเหนี่ยว มันคาบเกี่ยวกับรอยต่อเข้ามหาวิทยาลัยที่สุดท้ายก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่อาจเข้า ม.จุฬาฯ ได้ ก็ต้องระเห็ดไปเรียน ม.กรุงเทพ ที่นี่ ชีวิตยังจมกับความหลงระเริง เหล้า ผู้หญิง มันทำให้ดูเหมือนว่าเขาเลือกที่จะทอดทิ้งพรสวรรค์ลูกหนังที่เขามีจนหมดสิ้นแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตาม “โค้ชเนี้ยว” ส่งเสริม มาเพิ่ม ครูในวัยเด็กของ “ดิน” ยังเชื่อในฝีเท้าของศิษย์รายนี้ และชักชวนให้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งกับทีม OAZ ในรายการ เอฟเอ คัพ ที่นี่เขากลับมาทำสิ่งที่รัก และพาทีมจากนอกลีกเข้าสู่รอบลึก ฟอร์มในตอนนั้นไปเข้าตา อ.ประจักษ์ เวียงสงค์ ที่ดึงไปร่วมทีม ทีทีเอ็ม พิจิตร ทีมในระดับไทยลีก ที่นี่เขารับบทบาทกัปตันทีมไล่จากชุดเยาวชน และได้โอกาสก้าวสู่ชุดใหญ่ในเวลาต่อมา

 

 

กระนั้น “ดิน” ได้ร่วมงานกับ อ.ประจักษ์ ไม่นานนัก ก็มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือใหญ่ โดยการดึง โจเซ่ อัลเวส บอร์จิส มาคุมทีมแทน และนี่คืออีกบทเรียนครั้งสำคัญที่ตักเตือนเขาอีกครั้ง เมื่อกุนซือชาวบราซิเลี่ยนมีชอยส์ในแนวรับอย่าง ทนงศักดิ์ ประจักกะตา, พีรพัฒน์ โพธิ์เรือนดี ฯลฯ ทำให้โอกาสดาวรุ่งวัยแค่ 19 ปีมีแบบจำกัดจำเขี่ย มันทำให้วัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มเล่นอาชีพจริงจัง อดรนทนไม่ไหวเดินไปถามกับ บอร์จิส ตรงๆ ว่า “ถ้าผมไม่อยู่ในแผนคุณ คุณบอกผม ผมจะได้ย้ายออกทันที” และแน่นอนกุนซือมืออาชีพอย่าง บอร์จิส ก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกปล่อยดาวรุ่งรายนี้พ้นทีมทันที

 

 

Cr.Krabi Football Club - สโมสรฟุตบอลกระบี่

“ดิน” เล่าย้อนกลับไปว่า “บางครั้งการที่เราตรงเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งก็ต้องเลือกว่าสิ่งไหน ควร หรือ ไม่ควร พูด มันเป็นการกระทำที่แย่ ทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้พยายามมากพอที่จะพิสูจน์ตัวเองให้โค้ชได้เห็น มันไม่มีโค้ชคนไหนหรอกที่จะไม่ให้โอกาสกับคนที่ฝีเท้าดี และตั้งใจจริง คืออยากให้เรื่องของผมมันสอนนักบอลรุ่นต่อๆ ไป”

 

 

นั่นทำให้จากจุดเริ่มต้นในเวทีไทยลีก “ดิน” ต้องระเห็ดพเนจรไปเรื่อยๆ และไม่เคยกลับไปเล่นในระดับไทยลีกอีกเลยนับจากนั้น ไล่ตั้งแต่ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด (ดิวิชั่น 1), กรุงเทพคริสเตียน (ดิวิชั่น 2), กรุงธนบุรี (ดิวิชั่น 2), ยาสูบ (ดิวิชั่น 1), กระบี่ (ดิวิชั่น 1), นครปฐม (ดิวิชั่น 1), บีซีซี (ไทยลีก 4), เดฟโฟ่ (ไทยลีก 3) และในฤดูกาลปัจจุบันกับ บางกอก เอฟซี (ไทยลีก 3) ที่แม้มันอาจต่ำกว่าที่ควรจะเป็นจากจุดเริ่มต้น แต่เขาในวันนี้ยืนยันว่าตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาตนมีความสุขเสมอ

 

 

 

 

บทเรียนชีวิตลูกหนังสู่งานโค้ช

 

Cr.Bangkok FC - ทีมบางกอก

“ดิน” เริ่มปรับโหมดเข้าสู่การเรียนโค้ช C-Licence ตั้งแต่สมัยที่ ค้าแข้งกับ กระบี่ เอฟซี ด้วยการสนับสนุนจาก "โกฉวน" สมเกียรติ กิตติธรกุล ประธานสโมสร โดยที่ยังไม่ได้คิดอะไรไกลกว่าแค่เป็นหลักประกันอาการบาดเจ็บที่อาจส่งให้เขาต้องเลือกแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควรเพียงเท่านั้น

 

 

กระทั่งกลับสู่บ้านหลักเก่าอย่าง บีซีซี ที่นี่เขาเริ่มเอาจริงเอาจังกับงานโค้ชมากขึ้น “จุดเริ่มต้นงานโค้ชจริงๆ เริ่มตอนที่เราย้ายมา บีซีซี ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของผม ต้องขอบคุณพี่หมู (พงษ์กฤษณ์ โอถาวร ผจก.บีซีซี เอฟซี) ที่ให้โอกาส ที่นี่ผมได้เจอโค้ชรอนนี่ ที่เป็นโค้ชบาเยิร์น (ประเทศไทย) ที่ปัจจุบันเขาย้ายไปร่วมงานกับโค้ชเดนนิส ที่ชัยนาท ฮอร์นบิล ซึ่ง รอนนี่ ให้ความรู้ผมเยอะมาก ในด้านงานโค้ช สอนทุกอย่าง แนะนำทุกอย่าง จนผมมีความสนใจด้านงานโค้ชจริงจังขึ้น”

 

 

 

หลังจบฤดูกาล รอนนี่ ส่งชื่อ “ดิน” ที่มีแววด้านงานโค้ชเข้าอบรมหลักสูตรโค้ชบาเยิร์น มิวนิค เขาผ่านระดับเลเวล 1 ได้โดยไม่ลำบากนัก ด้วยความที่มีทักษะทางภาษาที่ดี “ดิน” เริ่มรับงานผู้ช่วยวิทยากร ไปทำงานฝึกสอนต่างๆ รวมถึงบทบาทของล่าม ภายใต้บริษัท สปอร์ต ไทย-บาวาเรีย จำกัด จากนั้นด้วยความที่ไฟในงานด้านโค้ชจุดติด เขาเลือกเรียนต่อในระดับเลเวล 2 โดยมีวิทยากรบินตรงจากเยอรมันมาให้ความรู้ โดยอดีตเด็กหัวร้อนมีพัฒนาการด้านงานโค้ชที่ดีเกินคาด เขาผ่านเลเวล 2 โดยเป็นที่ 1 ในรุ่น ได้เสื้อสามารถจาก ซาบี อลองโซ่ ไปครอบครอง

 

 

จากนั้นก้าวสู่งานโค้ชกับทีมจตุรมิตรทีมกรุงเทพคริสเตียน โดย มี อ.รักพงษ์ แก้วแท้ เป็นครูอีกท่านที่ถ่ายทอดงานโค้ช ในเรื่องการดูแลเด็ก จิตวิทยาต่างๆ ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพให้เขาอีกทางหนึ่ง ซึ่งปูทางสู่บทบาทโค้ช และผู้เล่น กับบางกอก เอฟซี ในปัจจุบัน โดยทำงานร่วมกับโค้ชชาวอังกฤษ ฌอน ลุค เซนส์บิวรี่ “ดิน” เล่าว่าการผันตัวมาทำหน้าที่นี่อย่างจริงจัง ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ตนก็พร้อมที่จะเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง “ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล มันเป็นการทำงานที่หนักขึ้นและยากขึ้น มากกว่าตอนที่ยังเป็นแค่นักฟุตบอล เพราะตอนนี้ต้องทำหน้าที่ทั้งผู้ช่วย นักฟุตบอล และล่ามแปลภาษาของทีม มันก็เป็นงานที่ยาก และท้าทายมากกว่าเดิมมาก”

 

 

Cr.Starting From 0

แต่กระนั้น “ดิน” ยังไม่คิดถึงเรื่องแขวนสตั๊ดในเร็ววันนี้ เพราะยังมีแรง และมีฝันในการค้าแข้งต่อไป โดยปัจจุบันเขานำความรู้ ความสามารถที่มี มาเปิดโรงเรียนสอนฟุตบอล Dream Academy ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม Goalclubz (ซ.ประเสริญมนูญกิจ 24 ใกล้แยกเกษตร-นวมินทร์) เพื่อพัฒนาไปสู่นักฟุตบอลอาชีพ ส่วนอนาคตเขากำลังศึกษาต่อในระดับ B-Licence ต่อ และหวังไปให้ไกลที่สุดในเส้นทางโค้ช ส่วนฝันบ้าๆ ของ “ดิน” ที่บอกกับเราในตอนจบเรื่องคือ “สักวันผมจะคุมทีมชาติไทยไปบอลโลกครับ”

 

 

ขอบคุณภาพ bangkok fc – ทีมบางกอก / Air Force United FC