อดีตดาวยิงจอม ตีลังกา สู่ "ซิโก้" ในภารกิจล่าฝันกับ ตะหานน้ำ
  • 26 มิถุนายน 2019 at 20:49
  • 3425
  • 0

จากแรงบันดาลของคุณพ่อ สู่เส้นทางในเวทีลูกหนังของลูกชาย … "ซิโก้" ปิยะชาติ พลังฤทธิ์ ดาวโรจน์แห่งทัพ "ตะหานน้ำ"

 จากความชื่นชอบของคุณพ่อที่มีต่ออดีตศูนย์หน้าจอมตีลังกาของวงการลูกหนังไทย สู่ชื่อเล่นของลูกชายในครอบครัว พลังฤทธิ์ และนี่คือเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่จากนั้นชีวิตของเขาผูกติดกับลูกหนังมาโดยตลอด

 

"ซิโก้" เริ่มต้นในตำแหน่งศูนย์หน้าตามไอดอลของคุณพ่อ ที่ในอดีตนั้นชื่นชอบ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นอันมาก แน่นอนว่าด้วยการปลูกฝังให้รักกีฬาลูกหนังตั้งแต่จำความได้ ทำให้เด็กน้อยคนนี้ติดสอยห้อยตามคุณพ่อไปออกกำลังกายเป็นประจำ กับกีฬาที่ใช้ลูกหนังกลมๆ เป็นอุปกรณ์

 

อย่างไรก็ตามด้วยรูปร่างที่เล็กกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ทำให้โรงเรียนลูกหนังเกือบทุกที่เลือกเมินเจ้าหนูรายนี้ ทว่าในความน่าผิดหวัง ครอบครัวที่อบอุ่นแข็งแรง ก็พร้อมเป็นกำลังใจ และผลักดัน "ซิโก้" ให้ลุกขึ้นสู่ใหม่เสมอ กระทั่ง วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราชดำเนิน เห็นอะไรบางอย่างจนอ้าแขนรับเด็กรายนี้สู่ทีม


ที่นี่เองก็คอยบ่มเพาะจนทำให้ "ซิโก้" เข้าใจในศาสตร์ของลูกหนังมากขึ้น และขยับตำแหน่งจากที่ชื่นชอบกองหน้า ให้มาเล่นกองกลาง ซึ่งตำแหน่งนี้เองที่ดูคลิกกว่าเคย แม้จะดูเหมือนว่าได้ตีตัวออกมาห่างจากไอดอลของคุณพ่อไปเสียแล้ว


เด็กหนุ่มที่เป็นกองกลาง ไม่ใช่กองหน้า นาม "ซิโก้" เริ่มฉายแววเด่นขึ้น ในวัย 17 ฝีเท้ารุดหน้าขยับติดทีมชุดนักเรียนไทย รุ่น 18 ปี ไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น และจากนั้นเป็นโอสถสภา เอ็ม-150 ที่มอบสัญญาในระดับเยาวชนให้ แม้จะได้โชว์ฝีเท้าแค่ไม่กี่รายการเท่านั้นเนื่องจากทาง "พลังเอ็ม" เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านพอดิบพอดี ทว่าในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีเมื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยื่นโอกาสเข้าสู่รั้วอะคาเดมี แน่นอนว่าหนุ่มน้อยรายนี้ปฏิเสธไม่ลง


ชีพจรลงเท้าสู่ดินแดนอีสานใต้ 1 ปีที่นี่เขาเติบโตขึ้นทั้งร่างกาย จิตใจ และทัศนคติในการก้าวสู่นักฟุตบอลอาชีพจริงจัง แม้สุดท้ายเขาไม่ใช่หนึ่งในแข้งที่ได้ไปต่อในทีมใหญ่ก็ตาม "ซิโก้" มุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพเพื่อเติมเต็มความฝันต่อไป โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่ โปลิศ เทโร ในถิ่น "มังกรไฟ" เขาขยับใกล้การขึ้นเป็นนักเตะอาชีพเต็มขั้น แม้ยังใช้สัญญาในระดับเยาวชน ทว่าเขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีม บี ในเวทีไทยลีก 4 โซนกรุงเทพฯ รวมถึงการได้เรียนรู้จากไอดอลของตนอย่าง ดัสกร ทองเหลา


อย่างไรก็ตามชีพจรลงเท้าอีกครั้ง เขาตัดสินใจไปคัดตัวกับราชนาวี โดยมองเห็นโอกาสว่าที่นี่เขามีโอกาสที่ดีกว่าครั้งไหนๆ ประจวบเหมาะพอดิบพอดีที่ "ตะหานน้ำ" อยู่ในยุคผลัดใบ และมีนโยบายดันดาวรุ่งทีมบี ขึ้นทีมใหญ่ ด้วยสไตล์ห้องเครื่องพลังหนุ่ม "ซิโก้" คือหนึ่งในลิสต์ที่ถูกดันสู่ทีมใหญ่ แม้โอกาสยังไม่มากมายนัก ทว่ามันเพียงพอเติมฝันให้กับตัวเขา และครอบครัวพลังฤทธิ์ ในการก้าวสู่นักฟุตบอลอาชีพในที่สุด


ที่ ราชนาวี เขาโดนขยับให้ต่ำลงอีกในตำแหน่งกลางตัวรับ บวกกับที่ "ซิโก้" เป็นเด็กมีพละกำลังวิ่งได้ 90 นาทีที่ค่อยตัดเกมคอยเชื่อมเกม การเล่นร่วมกับสตาร์รุ่นพี่ในเวทีไทยลีก เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ทว่าในท้ายสุดมันไม่เพียงพอช่วย "ตะหานน้ำ" อยู่รอดไทยลีก ได้ โดย "ซิโก้" ยังเผยว่าตนเสียใจที่ไม่อาจมีช่วยทีมให้รอดตกชั้นได้ ไม่มีบทบาทอะไรที่ดีพอในการช่วยทีมได้ แต่กระนั้นเขายืนยันว่าพร้อมที่จะพัฒนา และช่วยทีมให้มากขึ้นในฤดูกาลใหม่ที่กำลังมาถึง

 

"ในเรื่องของอนาคตในปี 2019 ผมก็ยังอยู่กับ ทีมราชนาวี ต่อไปครับก็อย่างได้รับโอกาสมากขึ้นมีส่วนร่วมมากขึ้นครับ ในเรื่องของทีมชาติตอนนี้ด้วยอายุผมแค่ 21 ปีก็อยากจะติดทีมชาติชุดใหญ่ซักครั้งในชีวิต สุดท้ายก็ขอบคุณแฟนบอล ราชนาวี ที่คอยสนับสนุนทีมมาโดยตลอด ผมเป็นอีกหนึ่งคนที่ เสียงเชียร์มันผลักดันผมมากเวลาลงสนามครับ อยากให้ฤดูกาล 2019 เข้ามาเชียร์ให้กำลังใจกันเยอะๆ ครับ นักเตะทุกคนเต็มที่เสมอครับ"

 

 

ขอบคุณภาพจากแฟนเพจ NAVY FC และเฟซบุ๊ค  Koe Piyachart