เจ็ก นิรุจน์ ยาปัน เด็กปั้นเซราะกราวยุคแรก กับฟุตบอลในรั้วจามจุรี

จากอดีตเยาวชนทีมลูกหนังแถวหน้าของเมืองไทย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขาก้าวเท้าเข้ามาหาโอกาสทางการศึกษาควบคู่ฟุตบอล กับ จามจุรี ยูไนเต็ด นับเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เจ็ก นิรุจน์ ยาปัน อดีตเด็กฝึกบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รุ่นแรก อดีตตัวนักเรียนไทย 15-18 ปี อดีตทีมชาติ ยู-19 วันนี้ทีมงาน Supersub จะพาไปคุยกับ "เจ๊ก" กับการวางแผนชีวิตในช่วงต่อจากนี้

Q:แนะนำตัวเองหน่อยครับ?

A:นิรุจน์ ยาปัน เล่นตำแหน่ง เซ็นเตอร์ ฝั่งซ้าย

Q:เล่าประวัติฟุตบอลตั้งแต่เด็กหน่อยครับ?

A:15 ปีได้มีโอกาสเข้าอะคาเดมี่บุรีรัมย์ ได้ติดนักเรียนไทยรุ่น 15 ปี 18 ปี และทีมชาติไทย 19 ปี

Q:ใครแนะนำไปคัดที่บุรีรัมย์

A:เหตุที่เข้า อะคาเดมี่บุรีรัมย์ เขาเปิดคัดรุ่นแรก แล้วผมตอนนั้นเรียนสุรศักดิ์มนตรี แล้วก็ติดนักเรียนไทยตอนนั้น ก็มีโอกาสได้ไปรู้จักโค้ชอะคาเดมี่บุรีรัมย์ ที่ชักชวนไป เป็นเด็กฝึกหัดที่นั่น

Q:ก่อนหน้านี้เล่นทีมไหนมาบ้าง?

A:5 ปีที่แล้วเล่น สุรินทร์ ซิตี้ ทีมในเครือบุรีรัมย์ และถูกส่งไป พิจิตร เอฟซี พอหมดสัญญา ก็เลือกมาที่นี่ เพราะพ่อแม่อยากให้เรียนหนังสือไปด้วย และก็อยู่ที่นี่มา 4 ปีแล้วครับ

Q:มาที่จามจุรีได้อย่างไร?

A:มีคอนแท็กพี่ที่สวนกุหลาบ พี่เขาก็แนะนำมาช่วงนั้นเปิดคัดเยอะครับ ก็เป็นโอกาสให้เราได้เรียน และเล่นที่นี่ ช่วงแรกที่มาเล่นที่นี่โอกาสไม่มาก เพราะมีรุ่นพี่ แต่พอปี 2 ก็ได้โอกาสเรื่อยๆ จนกระทั่งมาปีนี้โอกาสลงสนามก็จะลดลง เพราะมีโควต้าเยาวชนเยอะขึ้น

 

 

Q:ทีมจามจุรีได้เปรียบทีมอื่นอย่างไร?

A:ไทยลีก 3 ในมุมมองผม จามจุรี ได้เปรียบเกือบทุกสโมสรในโซนบน เพราะเด็กที่เข้ามาสู่ทีมอายุไม่เกิน 23 เป็นตัวดีกรีทั้งนั้น มาแล้วใช้ได้เลย ทำให้เราไม่มีปัญหาในเรื่องโควต้า รวมทั้งตัวต่างชาติก็เข้ากับทีมได้ดี

Q:แล้วข้อเสียเปรียบล่ะ?

A:ข้อเสียเปรียบ ด้วยความที่เราเป็นทีมสถาบัน มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง บางทีอาจทำให้น้องมีความเกรงใจไม่กล้าเล่นกับรุ่นพี่

Q:เป้าหมายของตนเอง?

A:เป้าหมายตอนนี้คือช่วยจามจุรี ติด 1 ใน 4 ตั้งใจเรียนให้จบ และค่อยออกไปสู้ต่อข้างนอก ก็ตั้งใจไว้ว่าจะลองไปสู้ข้างนอกต่ออีก 1-2 ปี ใจจริงก็อยากกลับบุรีรัมย์ครับ แต่ด้วยอายุก็คงยากแล้ว

Q:มีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง?

A:ที่นี่มีเข้าฟิตเนสมหา'ลัย ก็ได้ดูแลตัวเอง รวมถึงสนามเปิดตลอดครับ ก็เข้ามาออกกำลังกายทุกวัน พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่มองตัวเองเป็นน้ำเต็มแก้ว คอยรับฟังโค้ชทุกคน และไม่หยิ่งผยองในตัวเอง

Q:มาถึงจุดนี้ อยากบอกอะไรกับใครบ้าง?

A:อย่างแรกคือพ่อแม่ ผมมาเดินสายฟุตบอลด้วยตัวเอง พ่อแม่เราเขาไม่รู้เรื่องฟุตบอล แต่ผมเดินมาได้ถึงจุดนี้ก็เพราะมีพวกท่านคอยซัพพอร์ต

Q:ฝากอะไรถึงแฟนจามจุรี?

A:ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ จามจุรี มีลุ้นขึ้นไปท็อปโฟร์ที่สุด เราได้เปรียบโควต้าเยาวชน บวกกับต่างชาติที่ยกระดับทีมได้ดี