เมธี ปุ้งโพ : พเนจรลูกหนัง ที่ผ่านเวทีถ้วยเอเชีย สู่ลีกไทยเหนือจรดใต้

ที่มีสโมสรฯ เยอะๆ ไม่ใช่ว่าเราเก่ง แต่เราต้องดิ้นรน สู้เพื่อโอกาสของเรา” แน่นอนว่าชีพจรชีวิตของแข้งเมืองไทย มักไม่ได้อยู่โยงกับทีมไหนนานๆ นัก แต่ก็คงหาได้น้อยเต็มทนที่การพเนจรของนักเตะสักคนจะผ่านประสบการณ์แบบครบถ้วนในลีกทุกระดับ ทุกภูมิภาค นอกเหนือจากนั้นยังเคยไปเล่นถ้วยเอเชียมาแล้ว

 

เมธี ปุ้งโพ กองหน้าจอมเก๋าที่ยังคงล่าตาข่ายให้กับ สายมิตร กบินทร์ ยูไนเต็ด ที่ยังไม่ทิ้งลายเพชฌฆาต คือหนึ่งในนั้นที่ผ่านประสบการณ์โชกโชน ใครจะเชื่อว่าลูกชาวนาที่เริ่มต้นเดินตามรอย “โจ้ 5 หลา” จะมาได้ไกลขนาดนี้ .. ติดตามเรื่องราวของกองหน้ากัปตันวัย 33 ปี หัวหมู่ทัพ “หนุมานชาญสมร” ไปกับเรา SPSTH

 

 

จากฟุตบอลเดินสายชิงถ้วยพระราชทาน อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ณ ตอนนั้น “โจ้” ศรายุทธ ชัยคำดี ยังเป็นดาวรุ่งที่เพิ่งก้าวไปติดทีมชาติ เล่นฟุตบอลให้กับวิทยาลัยเทคโนโลยีพลพณิชยการ ด้วยชื่อเสียงที่ขจรขจาย เป็นสิ่งที่ เด็กประถม 5 ที่ชื่อ เมธี ปุ้งโพธิ์ ประทับใจ และตั้งมั่นว่าสักวันจะเอาดีให้ได้อย่างพี่ชายคนนี้ให้ได้

 

ตอนนั้นเรายังเด็ก ได้เห็นพี่เขาเล่นแล้วประทับใจมาก พี่เขาติดทีมชาติ เป็นคนขอนแก่น อยู่หมู่บ้านเดียวกัน และมาทราบภายหลังว่าบ้านใกล้กันด้วย ก็มีพี่โจ้นี่แหละที่ทำให้ผมอยากเล่นฟุตบอลจริงๆ”

 

จบมัธยม เมธี เลือกเดินหน้าล่าฝันด้วยการไปเรียนที่ รร.กีฬา จ.ชลบุรี แน่นอนว่า เขาเลือกเล่นตำแหน่งตาม ไอดอล ตั้งแต่แรกเริ่ม ทว่า มันผิดไปจากที่ เมธี คิดไว้เขาเลือกกลับบ้านมาต่อ รร.กีฬา จ.ขอนแก่น เพื่อเรียนต่อในระดับมัธยม 5 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อ เมธี ติดโผ จ.ขอนแก่น ชุดลุยโปรวินเชี่ยลลีก ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นที่เด็กที่สุดในรุ่นด้วยวัยแค่ 17 ปี และนั่นเป็นก้าวแรกสุดในเวทีลูกหนัง

 

 

เมธี กวาดความสำเร็จ ร่วมกับ รร.กีฬา จ.ขอนแก่น อย่างนับไม่ถ้วน ขึ้นมัธยม 6 ติดทีมนักเรียนไทย ซึ่งตอนนั้นอยู่ในรายการ “เดอะ วินเนอร์” และได้แชมป์ประวัติศาสตร์นักเรียนเอเชียที่ประเทศอินโดนิเซีย รุ่นราวคราวเดียวกับ สุทธินันท์ พุกหอม, อนาวิน จูจีน ฯลฯ

 

หลังจบรายการนั้น อาริศ กุลสวัสดิ์ภักดี ที่รับบทโค้ช ธ.กรุงไทย เวลานั้นมาติดตามดูฟอร์ม และทาบทามเข้าร่วมทีม แน่นอนว่า เมธี ไม่รอช้าตอบรับ “โอกาส” นั้นแทบจะทันทีทันใด จากนั้นติดเยาวชน “ช้างศึก” ไปแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ไปคว้าแชมป์ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเขายังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ต้องจับตามอง

 

เมธี เปิดใจถึงช่วงเวลาที่ตนประทับใจที่สุดนี้ว่า “ผมภูมิใจมากครับ การที่เราไปติดเยาวชนทีมชาติ ตามแรงบันดาลใจของเรา สร้างความภูมิใจให้ที่บ้าน ก็ไม่ได้คาดคิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้”

 

 

อย่างไรก็ตามหลังกลับจากการรับใช้ชาติ เมธี ได้โอกาสลงซ้อมมื้อแรกกับ ธ.กรุงไทย และเป็นครั้งแรกที่เขาลิ้มรสชาติจากอาการบาดเจ็บ “จำได้ว่ามันเป็นการเจ็บหนักๆ ครั้งแรก ที่หัวเข่า ต้องเข้ารับการผ่าตัด และทำให้พักนาน 8 เดือน ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าอาการเจ็บนี้ทำให้เมื่อเรากลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเราทำได้ดีเท่าเดิมอีกเลย อาจเพราะในเวลานั้นเรายังประมาท และไม่ได้ดูแลตัวเองดีมากนักในเวลานั้น”

 

เมธี สลัดจากอาการเจ็บ และกลับมาเริ่มต้นทำตามฝันของเขาสมใจในสีเสื้อ ธ.กรุงไทย รวมถึงได้โอกาสลงเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่อายุแค่ 19 ปี (ในการพบ นามดินห์ ทีมจากวีลีกเวียดนาม ทั้ง 2 นัด , ผลชนะในบ้าน 9-1 และเสมอเกมเยือน 2-2) ซึ่งแม้อาจไม่ใช่แกนหลักในทีมชุดนั้นที่อุดมด้วยแข้งระดับทีมชาติ ทว่า เมธี ก็ย้อนระลึกความหลังให้ฟังว่าเป็นสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นกับเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง

 

 

จากนั้นชีพจรลงเท้า เมธี แทบจะปีต่อปี เขารับบทหมาล่าเนื้อกับหลายสโมสรฯ ทั้งเล็กใหญ่ ไล่ตั้งแต่ บางกอกกล๊าส เอฟซี, เชียงราย ยูไนเต็ด, จันทบุรี เอฟซี, เชียงใหม่ เอฟซี, ปากน้ำโพ เอ็นเอสอาร์ยู, ประจวบ เอฟซี, โกลเบล็ก ทีดับบลิวดี, นครศรี เฮอร์ริเธจ, ลำปาง เอฟซี, สมุทรสาคร เอฟซี, อยุธยา ยูไนเต็ด

 

ที่มีสโมสรฯ เยอะๆ ไม่ใช่ว่าเราเก่ง แต่เราต้องดิ้นรน สู้เพื่อโอกาสของเรา ผมเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 17 ตอนนี้ 33 ผมผ่านมาแล้ว 16 สโมสร ผมเล่นมาแล้วทุกลีก ทุกโซน ทุกภาค ของประเทศไทย คือตอนนี้เหลือแค่ถ้วยพระราชทาน ก ที่ผมไม่เคยเล่นเท่านั้น”

 

ผมภูมิใจกับเส้นทางการค้าแข้งของผม ผมอาจเป็นเพียงลูกชาวนา แต่ก็ได้ทำตามความฝัน ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ในทุกๆ ที่ หาเงินเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวได้ จากที่ทางบ้านลำบาก นอกจากนี้ผมยังกลายเป็นแรงบันดาลใจรุ่นต่อจากพี่โจ้ ที่มีต่อเด็กในหมู่บ้าน ในอำเภอด้วย”

 

 

หลังจบฤดูกาล 2018 เมธี เลือกย้ายมาสู่ทีมระดับอำเภอ กับ สายมิตร กบินทร์ ยูไนเต็ด ทีมที่พิกัดเล็กสุดนับแต่เขาเคยหอบหิ้วสตั๊ด ไปค้าแข้ง ซึ่งเมธี เปิดเผยว่าเหตุที่เลือกซบ “หนุมานชาญสมร” เพราะผู้บริหารที่นำมาโดย วิวัฒน์ชัย บุตรเนียร ที่รักในกีฬาลูกหนังอย่างแท้จริง นั่นส่งผลให้ เมธี ค้าแข้งกับ สายมิตร ต่อเป็นปีที่ 2 ยาวนานกว่าสโมสรไหนตลอดเส้นทางลูกหนัง นับแต่ย้ายออกจาก ธ.กรุงไทย

 

แน่นอนว่า เมธี นำประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยต้นสังกัดได้ชนิดคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ เปลี่ยนจากทีมค่อนไปทางกลางตาราง ขึ้นมาลุ้นพื้นที่ ชปล. อย่างแท้จริงในปีที่ผ่านมา และปีนี้แม้ลีกยังไม่ชัดเจนนักว่าจะกลับมาฟาดแข้งกันได้เมื่อไหร่ ทว่ากัปตันวัย 33 ปีคนนี้ บวกกับแข้งประสบการณ์ อาทิ เมธี ปุ้งโพ, ธีรพงษ์ สว่างศรี, สิทธิเดช เมืองชู, มงคล วรพรม, สุภชัย ภูผา, ศรายุทธ พูลทรัพย์ และ ไกเก้ ริเบโร บวกกับมันสมองของ “โค้ชมาร์ค” สรศักดิ์ แรดสอน ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรหาก “หนุมานชาญสมร” จะไปไกลกว่าเดิมในปีนี้

 

ท้ายสุด เมธี เผยถึงปลายทางการค้าแข้งที่คงมาถึงไม่ช้าก็เร็วจากนี้ โดยหวังว่าสักวันเขาจะเป็นพิมพ์เขียวรุ่นต่อไป ให้น้องๆ ได้เดินตามแบบ “ผมอยู่กับฟุตบอลมาทั้งชีวิต ผมหวังที่จะนำความรู้ ประสบการณ์ที่สั่งสมมา ไปบอก ไปสอน น้องๆ รุ่นต่อไป เหมือนกับที่วันวาน ผมเลือกเดินตามแรงบันดาลใจผมสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ วันนี้มันคงเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจหากน้องๆ เลือกนำเราเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป”