เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ : ชีวิตหมาล่าเนื้อ

เรื่องราวของชีวิตสุดโลดโผนของเด็กเมืองโอ่ง เสียงปลายสายจากโค้ชเบ๊, ดังพลุแตกกับ นครปฐม เอฟซี, คำชวนของโค้ชเตี๊ย, เจ็บหนักที่บ้านเกิด, สถานีสุดท้ายกับ "เสือป่าราชา" นี่คือเรื่องราวของ "บอล" เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ ปีกจอมเก๋าวัย 35 ปี “บอล” เอกภูมิ โพธารุ่งเรือง

 

เด็กชายจาก จ.ราชบุรี ที่เกิดในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นทหาร คุณแม่ประกอบอาชีพค้าขาย วัยเด็กไม่ได้ขัดสน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากมายนัก โดยความสุขที่จดจำได้ดีเสมอคือการตามคุณพ่อไปเตะฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยๆ นั่นทำให้ เอกภูมิ ก้าวสู่เวทีขาสั้นตัวสถาบันตั้งแต่จำความได้ อย่างไรก็ตามเขาเล่าย้อนไปว่าไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะกลายมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างทุกวันนี้

 

จบมัธยม 6 ก้าวขึ้นสู่ตัว จ.ราชบุรี ลงแข่งขันในเวที โปรวิลเชี่ยล ลีก ทว่าจากที่ได้เห็นประกาศคัดตัวทุนฟุตบอล ที่ ม. ศรีปทุม เขาตัดสินใจหอบหิ้วฝันจากราชบุรี การคัดตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อฝีเท้าที่โดดเด่น ก็นำมาเขาเข้าศึกษาต่อที่นี่ เอกภูมิ ที่เป็นเพียง เฟรชชี่ คนเดียวในรุ่นที่โดดข้ามรุ่นไปเล่นยูลีก กับรุ่นพี่เพียบประสบการณ์ เส้นทางลูกหนังแขนรับ เอกภูมิ เมื่อจบปีนั้นสถาบันเขาก้าวสู่ทำเนียบแชมป์อย่างผ่าเผย และลีลาการเล่นของเจ้าหนุ่มเมืองโอ่ง เตะตาสโมสรฯชั้นนำมากมาย

 

เป็น วิมล จันทร์คำ รุ่นพี่ที่ให้คำแนะนำ เอกภูมิ ให้ลองไปทดสอบฝีเท้ากับ โอสถสภา แม้ตัวเขาในวัย 20 ปี ยังไม่มั่นใจว่าฝีเท้าเขาไปได้ถึงระดับไหน แต่ด้วยความที่ไม่อยากแบมือขอเงินพ่อแม่อีกแล้ว ทำให้ เอกภูมิ ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต “ใจจริงก็ไม่ได้มั่นใจ แต่เราก็คิดซะว่าสักครั้งในชีวิต ก็เลือกไปตามคำแนะนำพี่เขา จำได้เลยเขาไป ก็ไปเจอกับบรรดารุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงเยอะเลย ทั้ง พี่ โจ้ 5 หลา (ศรายุทธ ชัยคำดี), สุมัญญา ปุริสาย, อภิภู สุนทรพนาเวศ, ศิวะเมต ธนูศร, จักรกริช บุญคำ คือเป็นซุป’ตาร์ทั้งทีม ยอมรับเลยว่าไปวันแรกเราตื่นเต้นมาก แต่เราก็ต้องเก็บความประหม่า เอาไว้ เราต้องโชว์ให้เห็นว่าเด็กบ้านนอกคนนี้ก็เล่นได้เหมือนกัน .. ผ่านไป 2 วันจากการคัดตัว ผมคิดว่าผมคัดไม่ติดเลยเลือกกลับมาบ้าน

 

 

อย่างไรก็ตามมีเสียงปลายสายจาก ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก โทรมาหาเด็กหนุ่มคนนี้ว่า “เห้ย ไอ้บอล เอ็งอยู่ไหน พี่ตกลงคุยกับ อ.อาจหาญ แล้วพี่เอาเอ็งหว่ะ เอ็งอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ ว่ามาเลย พี่ให้สัญญาเอ็ง 3 ปีเลย” แม้ในทีแรก เอกภูมิ ไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริง แต่ท้ายสุดมันคือความจริงเมื่อทีมระดับตำนานหวังได้ริมเส้นโนเนมรายนี้เข้าสู่ทีม

 

เอกภูมิ ย้อนความรู้สึกในนาทีนั้นให้ฟังว่า “ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเลยครับว่าค่าตอบแทนจะเท่าไหร่ ผมแค่อยากชนะตัวเองให้ได้ และนี่คือเหตุการณ์ที่พลิกชีวิตผมจากที่ไม่มีอะไรเลย สร้างมันขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะฟุตบอลจริงๆ”

 

เอกภูมิ โพธารุ่งเรือง ได้เปิดตัวร่วมทีม โอสถสภา และก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวนับแต่นั้น ขวบปีแรกในฐานะดาวรุ่งหน้าใหม่ เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย จากการลงสนามร่วมกับสตาร์ดัง ร่วม 10-12 นัด อย่างไรก็ตาม เอกภูมิ หวังได้โอกาสลงอย่างสม่ำเสมอ ในปีถัดมาจึงเลือกเข้าไปคุยกับทีมสตาฟฟ์ เพื่อหวังย้ายไปพิสูจน์ตัวเองกับ นครปฐม เอฟซี ที่นี่ เอกภูมิ เปลี่ยนสถานะจากดาวรุ่งเป็นแข้งที่น่าจับตาที่มีส่วนร่วมในทุกๆ นัด

 

 

จากผลงานที่เอกอุในถิ่นเจดีย์ใหญ่ ก็เพียงพอให้หลายต่อหลายสโมสรฯ ยื่นข้อเสนอเข้ามา ก่อนที่ เอกภูมิ จะเลือกย้ายซบ เอสซีจี สมุทรสงคราม ในปีถัดมา บวกกับวงการลูกหนังที่กำลังคึกคักในเวลานั้น ก็ส่งเด็กหนุ่ม 22-23 ปี รับรายได้เหยียบแสนบาทต่อเดือนแล้ว

 

ผลงานของเขายังโดดเด่นต่อเนื่อง กอปรกับ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ ที่คุมทีม การท่าเรือ เอฟซี ในเวลานั้น ตามฟอร์มตัวริมเส้นรายนี้มานานปี หวังดึงมาร่วมงานกันให้ได้ ก็ได้หล่นคำพูดไว้กับ เอกภูมิ ว่า “ถ้าเอ็งอยากเกิด อยากดัง อยากรวย มาหากู กูจะไม่ทำให้เอ็งผิดหวัง”

 

เอกภูมิ ตอบรับคำเชิญ เดินทางไป แพท สเตเดียม โดยไม่ได้นัดแนะ และดีลนี้ก็เกิดขึ้นจนได้ อยู่รับใช้ทีมดังในเขตปกครองพิเศษคลองเตย ได้ราวปีครึ่ง “สิงห์เจ้าท่า” ที่มีปัญหาการเงินในเวลานั้นจำต้องมีการผ่องถ่ายนักเตะเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดึงไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 7 หลัก + สัญญาผลตอบแทนในระดับท็อปสโมสรฯ เอกภูมิ ไม่ทำให้ผู้บริหาร “กิเลนผยอง” ผิดหวังเมื่อมีส่วนร่วมกับแชมป์ไทยลีก แบบไร้พ่าย ของทีมในปี 2015 ทันที

 

ผลงานจับต้องได้ และเป็น ราชบุรี มิตรผล ทีมบ้านเกิด ทุ่มเงินระดับสถิติสโมสรในเวลานั้น ดึง เอกภูมิ มาช่วยทีมในที่สุด อย่างไรก็ตามขวบปีนี้ไม่ได้เป็นที่น่าจดจำของแข้งอารมณ์ดีรายนี้สักเท่าไหร่นัก “มันไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย กับทีมบ้านเกิด เรามาโดนปัญหาบาดเจ็บเล่นงานจนพักไป 6-7 เดือน ผลงานทีมก็ไม่ดี”

 

อย่างไรก็ตามแม้จะร้างสนามไปนาน แต่ชื่อ เอกภูมิ ยังเป็นที่ต้องการของบรรดาบิ๊กทีมไทยลีก เมื่อ ธัญญะ วงศ์นาค ผจก.เทโรฯ สายตรงมาถามสารทุกข์สุขดิบ พร้อมยื่นข้อเสนอ 2 ปี หวังมัดใจเขาให้ลาทีมบ้านเกิดไป แม้อาการบาดเจ็บยังไม่หายดีนักก็ตาม อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างมั่นใจในกันและกัน ดีลนี้ก็เกิดขึ้นในที่สุด

 

1 เดือนให้หลัง เอกภูมิ สลัดจากอาการเจ็บลงประเดิมให้กับ บีอีซี เทโร ต้นสังกัดใหม่ได้ในที่สุด เขาปลับมาเล่นฟุตบอลด้วยมาตรฐานระดับสูงเช่นเดิม จบปีนั้นมีส่วนร่วมพา “มังกรไฟ” ซิวแชมป์ลีกคัพ ในปี 2014 สำเร็จ จบปีนั้น การท่าเรือ เอฟซี ทาบทามเขาหวนกลับไปร่วมงานกันอีกครั้ง

 

เอกภูมิ กลับมาสู่ถิ่น คลองเตย อีกครั้ง คราวนี้อยู่โยงในยุค “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ อย่างไรก็ตามหลังหมดสัญญากับทีม บวกกับการเข้ามาของ นูรูล ศรียานเก็ม และบดินทร์ ผาลา ทำให้เขาร้องขอไม่ต่อสัญญากับทีมเพื่อไปร่วมงานกับกุนซือในดวงใจอย่าง “โค้ชเตี้ย” ในถิ่น “อินทรีทัพฟ้า” อย่างไรก็ตามอยู่ร่วมงานกับกุนซือจอมโอหัง ไม่ได้นานนัก

 

การเปลี่ยนผ่านในทีมเกิดขึ้น และส่งผลให้ เอกภูมิ เลือกเดินเข้าห้องผู้บริหารขอยกเลิกสัญญากับทีมในที่สุด ซึ่งแรกทีเดียวตัวเขาเองก็เริ่มมีความคิดที่จะแขวนสตั๊ดบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม นครปฐม ยูไนเต็ด ที่มีเป้าหมายขึ้นลีกรองให้ได้ ทาบทามเข้ามา ด้วยความที่เคยผูกพันกับทีมนี้อย่างดี เขาตอบรับรถไฟขบวนสุดท้ายโดยไม่ได้ลังเล

 

 

เอกภูมิ นำประสบการณ์ที่มี ถ่ายทอดสู่น้องๆ ในทัพ “เสือป่าราชา” และในวัย 34 ปีเขายังมีทีเด็ดออกมาช่วยทีมได้อย่างสม่ำเสมอ มีส่วนร่วมพาทีมเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2 สมใจ และได้รับความวางใจจากทีมบริหารต่อสัญญาไปอีกปี

 

ซึ่ง เอกภูมิ เผยว่าตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาตนพอใจเป็นอย่างมาก ที่ได้ทำในสิ่งที่รัก โดยดาวเตะจอมเก๋า ให้แง่คิดกับน้องๆ ไว้ว่า “เรามาอยู่จุดนี้ได้ด้วยความรักที่มีต่อฟุตบอล แต่การที่เราจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ เราต้องซื่อสัตย์กับมัน ไม่ไปเกี่ยวข้องกับการพนัน ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และชีวิตทั้งใน และนอกสนามกันไป”

 

“ชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ มันเปรียบได้กับหมาล่าเนื้อ เราได้เงินมา สิ่งที่เราต้องทำคือเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เราไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้มันจะเป็นอย่างไร วันนี้คุณมีชื่อเสียง คุณมีรายได้ รีบกอบโกยเพราะอาชีพเรามันสั้น ปีนี้คุณอาจโชว์ฟอร์มได้ดี ปีหน้าคุณอาจบาดเจ็บหนักจนไม่มีทีมไหนเอา มันไม่มีคำตอบรออยู่เลย ฉะนั้นเราต้องทำหน้าที่นักกีฬาฟุตบอลด้วยความไม่ประมาท”