สมยศ แนะราเยวัชวางแท็กติกเล่นเร้าใจมากขึ้น เผยสปิริตในทีมยังดี ใช้เอเชี่ยน คัพ ตัดสินควรต่อสัญญาหรือไม่ ยังเปิดใจรับฟังความคิดเห็นแฟนบอลเช่นเดิม

พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ เผยหลังจากในวันนี้(7 ธันวาคม)ได้ร่วมประชุมกับ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนและสตาฟฟ์โค้ชทีม "ช้างศึก" เพื่อสรุปผลการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2018 และวางแผนงานก่อนลงแข่งขันฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 ในต้นปีหน้า

 

พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า "ถือเป็นเรื่องปกติหลังจบทัวร์นาเมนต์ที่โค้ชและทีมงานต้องเข้ามารายงานผลการแข่งขัน และเราได้วางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่ไทยจะเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียในต้นปีหน้า ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เราต้องเตรียมความพร้อมในการแผนการฝึกซ้อม ที่พัก การเดินทางของนักเตะและทีมงาน ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของสมาคมฯ"

 

"ผมบอกกับ ราเยวัช ว่าการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดการทำงานของตัวเขา แต่ในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียนั้นจะถือเป็นการชี้วัดว่าเขาจะได้ต่อสัญญากับสมาคมฯ ออกไปอีกหรือไม่ เพราะสัญญาของเราจะหมดลงในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ผมได้มีการบอกกับโค้ช ราเยวัช ว่าแฟนบอลไทยอยากเห็นรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย และเล่นเกมรุกมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ก้าวก่ายความคิดเห็นของเขาแต่อย่างใด"

 

"โค้ช ราเยวัช ได้บอกว่า เขาศึกษาการเล่นในอดีตของปี 2014 รอบชิงชนะเลิศ ที่เราบุกไปโดน มาเลเซีย ยิงนำไปก่อน 3-0 ซึ่งเขาไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเลยเล่นให้รัดกุมไว้ก่อนในเกมแรก แต่สุดท้ายเกมในบ้านเราเกือบจะชนะแล้ว แต่ก็โชคร้ายไป เขาบอกว่าในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียการเล่นของไทยจะเปลี่ยนไปเพราะได้นักเตะตัวหลักกลับมา เขายืนยันว่าในระดับเอเชียจะเล่นเหมือนในอาเซียนไม่ได้ หากบุกมากก็จะโดนโจมตีได้ง่ายเหมือนเราเคยเจอมาแล้วในอดีตที่ผ่านมา"

 

"ผมต้องการให้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียให้ได้ หากไปได้ไกลกว่านั้นก็คือเป็นเรื่องดี ผมได้คุยกับนักเตะ วันนี้ก็เพิ่งทานอาหารกลางวันกับ อาร์ม (ศุภชัย ใจเด็ด) เขาก็บอกว่านักเตะในทีมสปิริตดีเยี่ยม โค้ชเอาใจใส่นักเตะดีมาก ทุกคนในทีมมีความตั้งใจ อดิศักดิ์ ไกรษร เขาก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมอยากให้เขาลืมอดีตไป แล้วมองไปข้างหน้า มุ่งมั่นในเรื่องของอนาคตดีกว่า"

 

"ผมในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องการพัฒนาฟุตบอลไทยในทุกมิติ ผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ 3 ปี สามารถทำผลงานมากมายให้กับสมาคมฯ เรื่องของผลงานสนามเป็นเรื่องของโค้ชและนักเตะ แต่ว่าผมเองก็คงไม่อาจปัดความรับผิดชอบนี้ได้ แต่ว่าอยากให้แฟนบอลเข้าใจว่าตอนนี้เรากำลังวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับฟุตบอลไทย มันต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำสำเร็จ ผมพยายามนำแนวคิดจากชาติที่เขาประสบความสำเร็จมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย ผมคิดว่ามันต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะออกผล ผมพร้อมรับฟังคำแนะนำและท้วงติงจากแฟนบอลไทยทุกคน เพราะทุกคนรักฟุตบอลไทย ต้องการให้ฟุตบอลไทยเดินไปข้างหน้า แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ ผมหวังว่าคนที่เข้ามารับหน้าที่ต่อจากผมจะได้เดินบนถนนคอนกรีตไม่ใช่ทางที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ"

 

"แม้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์อยากหนักแต่ผมไม่ได้เสียกำลังใจแต่อย่างใด ผมยืนยันว่าผมเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ มา 3 ปี ทำงานหลายอย่างไว้เยอะมาก ผมยืนยันว่าจะขอพัฒนาและวางรากฐานของสมาคมฯ ให้แข็งแกร่ง เพื่ออนาคตที่ดีของวงการฟุตบอลไทยต่อไปครับ" นายกสมาคมฯ กล่าวปิดท้าย

 

สำหรับทีมชาติไทย จะลงแข่งขันฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 ระหว่างวันที่ 5 มกราคม- 1 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทีม "ช้างศึก" อยู่สายเอ ร่วมกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เจ้าภาพ), บาห์เรน และ อินเดีย