• 29 มิถุนายน 2019 at 21:52
  • 707
  • 0

ชำนาญ แพรขุนทด รับตัวใหม่-เก่า ยังจูนกันไม่ลงตัว เล็งขอบอร์ดเสริมตัวอีกก่อนตลาดปิด ย้ำแพ้เกมนี้ไม่มีข้อแก้ตัว และจากนี้ทุกคนต้องทำงานหนักให้มากขึ้น เพราะการที่ตนมารับงานที่นี่เพื่อพา เมืองเลย ยูไนเต็ด เลื่อนชั้นเท่านั้น

 

 

เมืองเลย ยูไนเต็ด ทีมนำในศึกไทยลีก 4 โซนตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ประเดิมสนามในเลก 2 ด้วยการบุกไปพ่ายให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บี 1-0 ส่งผลให้ “นักรบเซไล” พ่ายเกมลีกเป็นนัดที่ 2 ในฤดูกาล 2019 แต่ยังมีแต้มเป็นทีมนำในโซนเวลานี้ ด้าน “โค้ชบู” ชำนาญ แพรขุนทด กุนซือเมืองเลย ยูไนเต็ด เผยผ่านสื่อ SPSTH ยอมรับผลแพ้โดยไม่ข้อแก้ตัว ชี้ปัจจัยหลักคือทีมเสียประตูเร็วไปหน่อย รวมถึงทีมมีการปรับตัวผู้เล่นเกือบครึ่งทีม พร้อมกับชี้ว่าตัวใหม่เก่ายังปรับจูนไม่ลงตัวดีนัก และอาจต้องมีการเสริมเข้ามาเพิ่มก่อนปิดตลาดนักเตะ

 

 

“เราโดนยิงเร็วไปหน่อย แต่ว่าเราก็ไม่โทษอะไรหรอก เพียงแต่ว่าเรามีการเปลี่ยน 4-5 ตำแหน่งในวันนี้ เพราะฉะนั้นทีมมันก็ยังไม่ลงตัวระหว่างผู้เล่นใหม่กับเก่า ซึ่งตอนนี้เรามีต่างชาติแค่คนเดียว หลังจากวันนี้ไปก็ต้องขอเสริมอีก น่าจะมีกองหน้าต่างชาติ กองกลางที่จะเดินเกม และตำแหน่งที่เราขาดจริงๆ ก็คือแบ็กขวา เป็นการเสริมเพื่อ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย เพราะแต้มเรามาขนาดนี้แล้ว ถึงจะทำแต้มหล่นไปในวันนี้ก็ยังมีโอกาสอยู่ เรายังเป็นจ่าฝูงอยู่ เรามองอนาคตข้างหน้าก็ต้องให้เวลากับตัวใหม่ด้วยครับ”

 

 

“ที่ 2 ของตารางที่ผมมองดู ก็น่าจะเป็นขอนแก่นมอดินแดง ฟุตบอลคลับ กับนครราชสีมา ห้วยแถลง ยูไนเต็ด เขาใช้เต็มโควต้า ทั้งไทยและต่างชาติ พื้นที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก เราก็ไม่น่าจะพลาด แต่เรามองว่าเป้าหมายเราคือขึ้นชั้นครับ ก็ต้องมีการขออนุญาตผู้ใหญ่อีกหน่อย ถามว่าตัวใหม่ดีไหมก็ดีอยู่ แต่ว่ายังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับตัวเก่าได้”

 

 

“ผลบอลวันนี้เรามาเยือนเราแพ้ 1-0 ก็ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แต่ขอให้แฟนบอลเป็นกำลังใจกันต่อไป หลังจากนี้ไปก็จะทำงานให้หนักขึ้น และจะหาตัวผู้เล่นที่ตอบโจทย์มาเพิ่มอีก เพื่อที่จะพาทีมเลื่อนชั้นได้ เพราะปีนี้ผมมาเพื่อพาทีมเลื่อนชั้นอย่างเดียว”

 

 

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป “นักรบเซไล” จะลงทำศึกฟุตบอลถ้วย โตโยต้า ลีกคัฟ 2019 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมืองเลย ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านต้อนรับ "แข้งเทพ" ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่จากไทยลีก 1 ที่สนามกีฬากลาง อ.วังสะพุง ในวันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2562 เวลา 15.30 น.