• 19 กรกฎาคม 2019 at 09:49
  • 1274
  • 0

นายใหญ่ฉลามอันดามัน เผยบทลงโทษจากสมาคมฯ เกินกว่าข้อเท็จจริง ขอใช้สิทธิ์อุทธรณ์ เรียกร้องความเป็นธรรม

ควันหลงศึก โซนล่าง ที่ "ฉลามอันดามัน" แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด เปิดสนามกีฬากลาง จ.ระนอง แบ่งแต้มกับ "มังกรผงาดฟ้า" บีทียู ส.บุญมีฤทธิ์ ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 62 ที่ผ่านมา

 

 

เกมนี้มีปัญหาในช่วงพักครึ่งเวลา ทำให้ต้องเริ่มแข่งขันครึ่งหลังล่าช้ากว่าเวลาปกติร่วม 30 กว่านาที เนื่องจากทีมงานผู้ตัดสินอันประกอบด้วย สัญญา สถิตดำรงกุล, วรวิทย์ พรหมสังคหะ, มงคล ไกรสินธุ์, มะตอฮา ส้าหย้อ เห็นว่าไม่ปลอดภัยจึงไม่ออกมาทำหน้าที่ ทั้งนี้ทางสมาคมฯได้พิจารณาบทโทษแบน วรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสรแกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด จำนวน 4 นัด ปรับเป็นเงิน 23,332 บาท จากการต่อว่าผู้ตัดสินต่อหน้าในช่วงพักครึ่ง และผลัก ฉัตรภูมิ ชาติกุล ผู้ควบคุมการแข่งขัน รวมถึงใช้ไมโครโฟนต่อว่าซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มองว่าเข้าข่ายปลุกระดมคนสู่ความรุนแรง

 

 

หลังทราบบทพิจารณาโทษ "ส.จ.แดง" วรานนท์ เกลื่อนสิน เผยกับสื่อ SPS TH ถึงเรื่องดังกล่าวว่า "มันไม่ยุติธรรม แมตช์คอม(ฉัตรภูมิ ชาติกุล)เขียนเกินกว่าความเป็นจริงเยอะมาก ออกมาแบบนี้ผมคงต้องอุทธรณ์ ตามระเบียบของสมาคม พอผมทราบข่าวว่ามีบทลงโทษ ผมก็ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์เลย"

 

 

"ในข้อบทลงโทษที่พิจารณามาว่าผมไปข่มขู่ แต่ผมไม่ได้ข่มขู่ ผมด่านั้นด่าจริง ที่ผมด่าเพราะทำงานไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้ไปข่มขู่ให้ร้ายว่าจะต้องอย่างโน้นอย่างนี้ไม่มี แต่ถ้าด่าๆจริงว่าคุณทำงานไม่ได้มาตรฐาน แล้วก็ไปยืนที่หน้าห้องกรรมการจริง แต่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ รปภ. ยืนอยู่ด้วย ผมจึงให้ รปภ.เคาะประตูเรียกกรรมการให้มาดูเทป เขาก็ไม่ออกมาดู พอดีลูกชายผมเดินเข้ามาจึงให้ลูกชายผมอธิบายต่อ เลยบอกไปว่า ลูกเป็นเด็กเผื่อเขาจะอายเด็กบ้าง"

 

 

"หลังจากนั้นผมก็ไปรีบไปดูนักฟุตบอลในห้องแต่ตัว แล้วก็ออกมากับนักฟุตบอลที่สนามเพราะได้เวลา(เริ่มแข่งครึ่งหลัง) แล้วก็มารู้ตอนหลังว่าผู้ตัดสินไม่ออกมาทำหน้าที่ ในบทลงโทษเขียนว่าผมไปจับไมค์ แต่ผมไม่ได้ปลุกระดม ผมพูดว่า ตอนนี้ผู้ตัดสินเขาไม่ออกมาทำหน้าที่ ไม่รู้ว่ามาดิสเครดิตอะไรระนองฯ อีก ผมไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง นอกจากไปยืนด่า กองเชียร์ก็ไม่ได้อะไรกับผู้ตัดสินตอนที่เดินเข้ามาครับ"

 

"หลังจากนั้นผมก็ได้ยกหูโทรศัพท์ไปหาทางผู้ใหญ่ อีก 5 นาทีผู้ใหญ่ได้โทรกลับมาว่า ผู้ตัดสินจะลงมาทำหน้าที่ ผมก็ขึ้นไปจับไมค์อีกว่า ผู้ตัดสินจะมาทำหน้าที่ แฟนคลับไม่ต้องไปอะไร ขอให้อยู่ในวินัยของการเชียร์ ก็แค่นี้ครับ แล้วไปเขียนรายงานว่าผมปลุกระดม ผมปลุกระดมอะไร"  

"ในส่วนที่เขียนรายงานว่าผมผลักอกนั้น ผมไม่ได้ผลักอก ผมลุกขึ้นถามว่าทำไมไม่มาทำหน้าที่ ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรอง แล้วแมตช์คอมเดินมาบอกผม ผมจะไปผลักอกอะไร เพราะเขามีเจตนาที่จะมาบอกเรา อยู่ที่ตัวผู้ตัดสินไม่มาทำหน้าที่ โดยที่อ้างว่าผมไปผลักอก มันก็ไม่ถูก แล้วก็อ้างว่า ต้องเรียกกำลังเข้ามาเสริม ตำรวจอีก 20 นาย รปภ.อีก 20 นาย ไม่มีกำลังอะไรที่ไหนมาเสริมเลย เป็นการเขียนรายงานแบบไม่เป็นข้อเท็จจริง ผมจึงโทรไปถามทำไมพิจารณาแต่สโมสร ไม่พิจารณาบุคคลสมาคมฯบ้าง ถ้าเกิดพิจารณาคนของสมาคมฯบ้างฟุตบอลจะดีกว่านี้เยอะครับ"

 

 

"ทุกอย่างของสมาคมฯชุดนี้ดีหมด ยกเว้นผู้ตัดสิน ผมก็ทราบมาอีกว่า ท่านพล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ) จะลงไปที่ จ.ตรัง ผมจะไปพูดคุยเรื่องดังกล่าว จะชี้จุดที่ว่า ตรงนี้จริงหรือเปล่า เมื่อก่อนมีคนชื่อนี้ เขาเรียกกันแบบนี้ มาจากผู้ตัดสินตอนนี้ถูกออกไป แล้วก็ปัจจุบันก็มีคนของคนเดิมแฝงตัวอยู่เข้ามาจัดผู้ตัดสิน ถามกันแบบจะๆไปเลย ผมได้ข้อมูลมาหมดแล้ว ผมรู้ว่าท่าน สมยศ ต้องการให้วงการฟุตบอลดีขึ้นครับ"

 

 

"ผมต้องขอขอบคุณแฟนบอลระนองฯเลย ทุกคนก็คงจะทราบดีว่าเหตุการณ์ในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องขอบคุณพี่น้องชาวระนอง ที่ไม่ได้ทำอะไรที่เกิดความรุนแรง ทุกคนก็รู้ดีแก่ใจ แฟนบอลก็เห็นแล้วว่าเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะอย่างไร ที่ ส.จ.แดง ต้องมาโวยวายเพราะอะไร ขอบคุณจริงๆครับ ถ้าเกินมีความวุ่นวายรุนแรง เหตุการณ์นี้จะเป็นอีกอย่างทันทีเลย ต้องขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับคนที่เข้ามาด่าผม ผมบอกเลยผมไม่อ่าน ถ้าสักวันหนึ่งทีมคุณโดนบ้าง แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนกับผมครับ"

 

 

สุดท้ายนายใหญ่เมืองระรองกล่าวปิดท้ายสั้นๆว่า "ถ้าเหตุการณ์นี้ตัดสินไม่เป็นธรรมในเรื่องผู้ตัดสิน ไม่จบแค่นี้แน่ครับ" 

 

ขอบคุณภาพจากแฟนเพจ Ranong United