• 29 มีนาคม 2020 at 14:18
  • 2072
  • 0

นวลพรรณ ล่ำซำ เปิดใจการทำงานในถิ่นคลองเตย ยันไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน เผย 2 บุคคลสำคัญยอมลดเงินเดือนตัวเองเพื่อทีม

หลังการแยกทางของ สโมสรการท่าเรือ เอฟซี กับ "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ เมื่อ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยตัวของอดีตกองหลังทีมชาติไทยเองได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ยอมรับว่าสาเหตุหนึ่งนั้นเกิดจากความไม่อิสระในการทำงาน ขณะที่ทางสโมสรฯก็ได้มอบหมายให้ "เซอร์เด็จ" จเด็จ มีลาภ อดีตโค้ชของทีม ที่รับหน้าที่ประธานเทคนิค กลับมาคุมทัพอีกครั้ง

 

ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้(29 มีนาคม) "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ได้ออกมาสื่อสารถึงแฟนบอลในประเด็นเหล่านี้ว่า "เราเริ่มเข้ามาทำท่าเรือตอน ปี 2558 โดยที่ขณะนั้นทีมบริหารชุดเก่า มีปัญหาทางการเงิน ได้เข้ามาเสนอให้แป้งทำ ซึ่งขณะนั้นก็มี 2-3 ทีมที่ติดต่อเข้ามา ก่อนตัดสินใจทำก็มีคนทัดทานจำนวนมากและค่อนข้างสบประมาท ว่าไม่สามารถทำได้แน่นอน เพราะหลาย ๆ เหตุผล หลายคนก็ไม่เชื่อว่าเราจะทำได้"

 

"ท่าเรือ ที่นี่คือตำนาน และแป้งก็เป็นคนกรุงเทพฯ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2510 ซึ่งมีความเก่าแก่ที่สุดในเวทีไทยลีกตอนนี้ แป้งเลือกที่นี่ด้วยหลายเหตุผล สิ่งที่สำคัญเลย อยากพิสูจน์ว่า ผู้หญิงอย่างเราก็ทำได้ไหม ตลอดเวลาการทำงานในวงการฟุตบอล ก็ได้ผ่านพบกับโค้ชมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย  กว่า 12 ปีในวงการกีฬา" 

 

"สำหรับทีมการท่าเรือ เอฟซี ตั้งแต่ปีแรกก็ต้องชอกช้ำเพราะต้องตกชั้นทันที โค้ชท่านแรกในช่วงที่เข้ามาทำ คือ น้าฉ่วย โค้ชไพบูลย์ โค้ชสมชาย โค้ชแกรี่ โค้ชวาดะ รวมถึงโค้ชซิโก้ พอไปต่อไม่ได้ ก็เป็นวิถีของวงการลูกหนัง แต่ปัจจุบันก็ยังติดต่อพูดคุยคบค้ากันอยู่ เพราะเรามีแต่ความหวังดีให้กัน รวมถึงหลายๆ ท่านที่เคยร่วมงานฝ่าฝันกันตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นประสบการณ์ทำงานที่ดีที่มีความแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงสถานการณ์"

 

 

"ในวันนี้ พี่น้องแฟนบอลจำนวนมากตั้งคำถามกับการเปลี่ยนแปลงโค้ชโชคทวี พรหมรัตน์ ยอมรับว่า เรามีแผนจะเปลี่ยนแปลงมา 3 เดือนแล้ว โดยการเปลี่ยนโค้ชสำหรับแป้งมีเหตุผลเสมอ ซึ่งมันไม่ใช่แค่บอลแพ้หรือตารางคะแนนเท่านั้น การตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลรายการเอซีแอล ที่เปิดบ้านแพ้ เซเรส เนกรอส (0-1) กับฟุตบอลไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ ที่แพ้ เชียงรายฯ (0-2) ล้วนต้องมีคำอธิบายต่อความคาดหวังของแฟนบอลจำนวนมาก ทั้งๆ ที่มีการเตรียมทีมฝึกซ้อมด้วยกันมาอย่างยาวนาน แต่ก็ให้โอกาสทุกคน เพราะแป้งมองทุกปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบของการทำงาน การเป็นผู้นำให้แก่ทีม ทั้งนักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ช การสร้างระบบการเล่นที่เป็นทีมเวิร์คมากกว่าการอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น การสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในทีมเพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย ที่สำคัญคือการเรียนรู้และปรับตัวทำงานให้เข้ากับคนส่วนใหญ่ เพราะนั่นจะแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ และแป้งรับฟังทุกคน เพราะนักฟุตบอลก็เป็นลูกของแป้ง ทีมงานก็เป็นเหมือนแขนขาที่พาเราไปถึงเป้าหมาย ดังนั้น ที่ผ่านมาแป้งฟังเสียงของทุกคนในทีมเสมอ เพื่อประกอบการตัดสินใจ"

 

"การทำงานในวงการนี้ แป้งยังยึดหลัก “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” วันนี้ก็ยังมีแต่คำขอบคุณที่จริงใจ ให้แก่โชคทวี ที่เข้ามาช่วยงานแป้งตลอด 8 เดือน อย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอบคุณผลงานชิ้นสำคัญที่ฝากไว้ให้คนท่าเรือได้ภาคภูมิใจ กับ ถ้วยเอฟเอ คัพ 2019 ที่สานงานต่อจากโค้ชจเด็จ มีลาภ จึงต้องถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกคน" 

 

"ในประเด็นเรื่องการแทรกแซงการทำงานของโค้ชนั้น แป้งขอพูดตามตรงว่าไม่มีประธานสโมสรคนไหนหรอกที่ไม่แทรกแซง ถามว่า…คำว่าแทรกแซงนั้นหมายถึงอะไร ในเมื่อหน้าที่ของประธานสโมสรต้องดูแลทุก ๆ อย่างของทีม และต้องร่วมตัดสินใจในทุกเรื่องเพื่อให้ทีมเดินหน้าสู่เป้าหมาย เพราะทุกเรื่องมันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด สารทุกข์สุขดิบของคนในทีมทุกคน ร่างกาย จิตใจ ประธานสโมสรคนนี้ทำหมด หากจะบอกว่าแทรกแซงแป้งก็คงแทรกแซงมาตั้งแต่วันแรกที่โชคทวีเข้ามา ที่แพท สเตเดี้ยม วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 จนถึงวันสุดท้ายที่โชคทวีคุมทีม แต่ถ้าคิดว่าไม่แทรกแซงแต่เป็นการทำงานร่วมกัน แป้งก็ทำเช่นนั้นมาตั้งแต่วันแรก"

 

"การแต่งตั้ง จเด็จ มีลาภ ประธานเทคนิคกลับมารักษาการโค้ชของท่าเรืออีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่เราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ต้องยอมรับว่า เซอร์เด็จ รวมถึงอีกท่านที่อดจะกล่าวถึงไม่ได้ คือ คุณองอาจ ก่อสินค้า ทั้ง 2 ท่านคือคนที่ยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับทีมมาอย่างยาวนาน ซึ่งก็น่าเห็นใจคนที่เค้าทุ่มเทเพื่อทีม แต่ต้องรับคำด่าทอต่างๆ มาตลอด โดยไม่เคยมีการตอบโต้หรือแม้แต่ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ใดๆ “คนไม่พูด ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีหัวใจ” ที่ผ่านมาทุกคนเหมือนตำบลกระสุนตก ในห้วงเวลาแบบนี้ เรายังไม่ทราบได้ว่าจะกลับมาเตะกันได้จริงหรือไม่ เราจะหาใครมาทำงาน ในเมื่อวันนี้ฟุตบอลยังซ้อมไม่ได้เลย"

 

"ที่สำคัญทั้ง 2 ท่านคือผู้เสียสละเดินเข้ามาบอกให้ลดเงินเดือนลง 70% โดยที่แป้งไม่ได้ร้องขอ นี่แหละคือสิ่งที่แฟนบอลไม่เคยทราบ เพราะนี่คือน้ำใจที่จะเป็นแรงช่วยกันพยุงสโมสรเอาไว้ในช่วงวิกฤต ดังนั้น ณ วันนี้ โค้ชจเด็จจึงเป็นผู้ที่มีทั้งความรู้ ความสามารถ รู้จักคุ้นเคยนักเตะทุกคนเป็นอย่างดี จึงเหมาะที่จะทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอนดูแลทีมในช่วงเวลานี้ เราเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง เราไม่เคยหวังที่ก้าวถอยหลัง เราต้องทำให้ดียิ่งขึ้น ในอนาคตก็ต้องยิ่งทำให้ดีกว่าเดิม ฟุตบอลเป็นกีฬาทีมเวิร์ค สำหรับแป้งมันประกอบด้วยการทำงานร่วมกันของทุกคนทั้ง นักกีฬา ประธานสโมสร ทีมงาน และแฟนบอล"

 

 

 

"วันนี้เราเลิกตั้งคำถาม หรือเรื่องดราม่า แล้วมาตั้งหน้าตั้งตาช่วยให้ประเทศเราผ่านโรคโควิด-19 ที่รุนแรงนี้ไปด้วยกันคงจะเป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวมมากกว่า สุดท้ายนี้ ขอให้เชื่อมั่นในการตัดสินใจของแป้ง เหมือนที่ทำมาตลอด 6 ปี ท่าเรือคือครอบครัว เราคือครอบครัวเดียวกัน เรามีวันนี้ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพราะเราร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน” แป้งยังขอยืนยันความเป็นมืออาชีพของตัวเอง ขอให้รับรู้และเข้าใจถึงความตั้งใจจริงและความทุ่มเทของผู้หญิงคนนี้ ที่ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เอาเรื่องใครมาบอกต่อ ได้แต่เพียง “ขอขอบคุณ” ที่ได้ร่วมงานกันมาตลอด และขอให้โชคทวีโชคดี ในอนาคตต่อไป เชื่อว่าแฟนท่าเรือทุกคน รวมถึงแฟนบอลทั้งประเทศจะเข้าใจแป้ง และแป้งยังภูมิใจเสมอที่แป้งได้ยืนอยู่ในวงการของสุภาพบุรุษลูกหนัง ที่ทุกคนยึดถือสปิริต และน้ำใจนักกีฬาเป็นที่ตั้ง"