• 14 กรกฎาคม 2020 at 18:48
  • 619
  • 0

เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ เผยต้องรับฟังสโมสรก่อนเสนอปฏิทินแข่งเจรจาทรูวิชั่นส์ อาจรวบเตะจบในปีนี้หากสโมสรพร้อม

"บิ๊กโจ" พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมหารือแนวทางจัดปฏิทินการแข่งขันฟุตบอล ไทยลีก 1-3 ประจำปี 2563 ณ ที่ีทำการสมาคมฯ วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 หลังจากได้รับหนังสือตอบรับจาก บริษัท ทรูวิชั่นส์ จํากัด (มหาชน) ว่าพร้อมถ่ายทอดสดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม หากมีการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ลุล่วง

 

เดิมสัญญาถ่ายทอดสดกับ ทรูวิชั่นส์ นั้นจะสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2563 นี้ ทว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พยายามเจรจาให้มีการถ่ายทอดสดไปจนสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ก่อนเริ่มสัญญากับผู้ถือลิขสิทธิ์รายใหม่ในฤดูกาลถัดไป โดยทรูวิชั่นส์แย้มว่าสมาคมฯและสโมสรจะได้รับค่าสิทธิประโยชน์ลดลง หากการแข่งขันไม่จบลงภายในปีนี้

 

วันที่ 14 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สมาคมฯ ร่วมกับฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด ประชุมหารือเพื่อหาแนวทางจัดปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ รายการ ไทยลีก 1-3 ประจำปี 2563 เพื่อเตรียมความพร้อมและวางแผนเกี่ยวกับตารางการแข่งขันก่อนเจรจาและพูดคุยกับบริษัท ทรูวิชั่นส์ จํากัด (มหาชน)  

 

การประชุมครั้งนี้นำโดย พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ, มร. เบนจามิน ตัน ที่ปรึกษาและผู้อำนวยการคลับ ไลเซนซิง, นายไพฤทธิ์ ต้านไพรี หัวหน้าฝ่ายควบคุมการแข่งขันบริษัท ไทยลีก จำกัด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขันไทยลีก

 

 

“เบื้องต้นมีการทำหนังสือสอบถามไปยังสโมสรสมาชิก เพื่อให้สมาคมฯ และ บ.ไทยลีก ได้ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่าสโมสรต่าง ๆ พร้อมที่จะฝ่าฟันไปด้วยกัน สามารถเข้าร่วมกิจกรรมลงแข่งขันฟุตบอลระดับต่าง ๆ​ ในฤดูกาลนี้ได้ หลังจากที่ทุก ๆ ฝ่ายได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด -19 รวมถึงสมาคมเช่นกัน” คุณพาทิศ กล่าวเริ่ม ถึงประเด็นที่มีการส่งหนังสือถึงสโมสร 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยให้ตอบรับภายใน 7 วันว่าพร้อมร่วมแข่งขันต่อไปหรือไม่

 

“ก่อนที่จะหารือกับสโมสรสมาชิกนั้น สมาคมฯคงต้องขอทราบมูลค่าที่ทรูจะนำเสนอในกรณีจะถ่ายทอดสดหลังจากเดือนตุลาคมเป็นต้นไปเป็นอย่างไร หลังจากนั้นสมาคมฯ จะนำข้อมูลดังกล่าว กับตัวเลือกรูปแบบการแข่งขันที่สามารถจัดลงในปฏิทินการแข่งขัน เพื่อหารือกับสโมสรว่ามีความต้องการจะลงแข่งขันในรูปแบบใดที่เหมาะสมที่สุด" 

 

"ขอยกตัวอย่างเช่น หากมีการตกลงที่จะแข่งขันทุกแมตช์ของฤดูกาลภายในสิ้นปีนี้ สโมสรสามารถยอมรับความถี่ในการลงแข่งขันของแต่ละแมตช์อาจจะต้องลงสนาม 2-3 วันต่อนัด เพื่อให้สโมสรได้ลงเล่นครบจำนวน 26 แมตช์ที่เหลืออยู่ ประกอบกับเงินสนับสนุนที่สโมสรจะได้รับ ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจากับทรูวิชั่นส์ และคำนึงถึงความเหมาะสมกับสภาพร่างกายนักกีฬาและการบริหารจัดการด้านอื่น ๆ ของสโมสร สมาคมจะแจ้งให้สโมสรได้ทราบรายละเอียด ร่วมกันพิจารณาเร็ว ๆ นี้"

 

"หรือในกรณีที่สโมสรสมาชิกต้องการเสนอให้กลับมาแข่งขันก่อนเดือนกันยายนที่เคยมีมติจากสโมสรในเดือนเมษายนที่ผ่านมา คงมีการหารือสโมสรสมาชิกให้ครบถ้วน ว่าสามารถยอมรับได้หรือไม่กับการเริ่มการแข่งขันโดยขาดผู้เล่นต่างชาติที่ยังไม่สามารถมาร่วมทีมได้ และกระทบต่อช่วงเวลาการโอนย้ายผู้เล่นและลงทะเบียนที่สโมสรอาจจะต้องคำนึงถึง ถ้าเป็นช่วงเวลาเดิม"

 

"รวมถึงสมาคมฯคงต้องบริหารจัดการ แผนการเตรียมทีมชาติไทยในช่วงเดือนใหม่เช่นกัน เพื่อให้ฟุตบอลลีกสามารถแข่งขันได้ตามช่วงเวลา​ที่กำหนด โดยสรุปสมาคมฯ จะบริหารจัดการเรื่องการแข่งขันให้ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุด ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากนี้" เลขาธิการสมาคมฯ​ กล่าว