สมยศ ยอมรับในข้อจำกัดทั้ง 2 ฝ่าย หลังเจรจา ทรู วิชั่นส์ ไม่สำเร็จ ชี้ถึงเวลารัฐและเอกชนต้องลงมาช่วยอุ้มกีฬาอันดับ 1 ของประเทศในตอนนี้
หลังการหารือระหว่าง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับบริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ วันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ในประเด็นการถ่ายทอดสดและค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทย จบลงด้วยความล้มเหลว ทำให้โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลไทยทั้งหมดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ให้สัมภาษณ์หลังจบการหารือว่า "วันนี้สมาคมฯได้รับข้อเสนอจากทางผู้บริหารทรู วิชั่นส์ ว่าพร้อมที่จะรับสัญญาณ ถ่ายทอดสดถึงวันที่ 25 ตุลาคมนี้ สมาคมฯเป็นเพียงผู้รับข้อเสนอเพื่อไปแจ้งสโมสรสมาชิกถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร"
"สมาคมฯ และทรูฯ มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในข้อขัดข้องของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามขอเรียนไปยังสโมสรสมาชิก และแฟนบอล ให้ทราบโดยทั่วกันว่าการจัดการแข่งขันเป็นหน้าที่สมาคมฯ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ในช่วงวิกฤต เหตุสุดวิสัย ทุกคนเดือดร้อนกันหมด ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะรัฐบาล ต้องลงมาให้ความช่วยเหลือ และให้การสนับสนุนกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬามหาชนที่คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบ"
"ขอเรียนว่าสมาคมฯ ต้องเดินต่อไป ถึงแม้จะยากลำบากแค่ไหนก็ต้องเดินต่อไป เราคงจะต้องแสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชนและภาครัฐภายใต้วิกฤตโควิด-19 หลายๆ ที่ได้รับผลกระทบ ก็อาจจะต้องให้ภาครัฐช่วยเหลือสนับสนุน"
"เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดแข่งขันให้จบภายในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ สมาคมฯ วางโปรแกรมได้ก็จริง แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถทำได้ หากบางทีมต้องเดินทางไกลมากๆ จะไม่สามารถเตรียมทีมได้เลย เช่น ประจวบไปเยือนเชียงราย ต้องนั่งรถ 400 กิโลเมตร มาขึ้นเครื่อง แข่งเสร็จนั่งเครื่องกลับมา กทม. และต่อรถบัสกลับประจวบอีก จะเห็นได้ว่าการเตรียมทีมมันกระชั้นชิดเกินไป"
"แต่เมื่อทรูยืนยันจะถ่ายถึงเพียงแค่ 25 ตุลาคมนี้ สมาคมฯ คงต้องยึดตามโปรแกรมเดิมคือกลับมาเริ่มแข่งขัน 12 กันยายน และจบเดือนพฤษภาคม 2564 ส่วนการหาผู้สนับสนุนรายใหม่มารับช่วงต่อหลังจากเดือนตุลาคมนั้น เป็นการบ้านของสมาคมฯ ที่จะต้องเตรียมการต่อไปครับ"